เวิล์ดคัพ ฉบับเอเชีย

เวิล์ดคัพ ฉบับเอเชีย นับย้อนสู่เหตุการณ์ความทรงจำในยุคดิจิตอล !!

เวิล์ดคัพ ฉบับเอเชีย ในช่วงเดือน พฤศจิกายนปี 2022 นี้นั้น จะเวียนมาถึงรายการแข่งขันกีฬาที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 ของโลก สุดยอด popular sport ก็คือ ฟุตบอล และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทัวร์นาเม้นต์การแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แห่งมวลมนุษยชาติ คือ ศึกฟุตบอลโลก ที่ได้เวียนมาบรรจบ ครบ 4 ปี ที่จะได้มีการจัดการแข่งขัน ครั้งนี้วนย้อนกลับมาในภูมิภาคเอเชีย ซึ่ง ประเทศการ์ต้า ได้รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้
และเมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ฟุตบอลโลกครั้งแรกบนผืนแผ่นดินทวีปเอเชีย กับการเป็นเจ้าภาพร่วมของ 2 ชาติ ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้

ฟุตบอลโลก 2002 ครั้งแรกบนผืนแผ่นดินเอเชีย ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์ และเรื่องอื้อฉาวควบคู่ไปด้วยกัน และลงเอยด้วยการพบกันอีกครั้งของคู่ชิง 2 ทีมผู้ยิ่งใหญ่แห่ง 2 ทวีป

เวิล์ดคัพ ฉบับเอเชีย เหตุการณ์ในรอบแบ่งกลุ่ม

เวิล์ดคัพ ฉบับเอเชีย

กลุ่ม เอ นัดเปิดสนาม เริ่มต้นด้วยความเซอร์ไพรส์แบบช็อกโลก จากการเปิดตัวของทัพ “สิงโตแห่งเตรังก้า” ทีมชาติเซเนกัล ทีมโนเนมในทวีปอัฟริกา ด้วยการเฉือนเอาชนะแชมป์เก่า บอลโลก98 และแชมป์ยูโร 2000 อย่างฝรั่งเศส ไป 1-0 จากประตูชัยของ ปาเป้ บูบา ดิยอป และหลังจากนั้นทัพตราไก่ จะมีอันต้องร่วงตกรอบแรกไปพร้อมกับ อุรุกกวัย ส่วนแชมป์กลุ่ม เป็นของ “โคนม” เดนมาร์ก และอันดับ 2 เซเนกัล ม้ามืด

กลุ่ม บี ก็ถือว่าไม่ได้มีผลอะไรเกินคาดทัพ “กระทิงดุ” สเปน 1 ในทีมเต็งของทัวร์นาเม้นต์ นำทีมโดย โฆเซ่ อันโตนิโอ คามาโช่ ฟอร์มดุสมฉายาชนะ 3 นัดรวดกวาด 9 คะแนนเต็ม ไม่แบ่งใครตามมาด้วย ปารากวัย ที่มีแต้มเท่ากับทาง อัฟริกาใต้ ผลต่องประตูรวมถึง Head to head ก็เสมอกัน เลยมาวัดกันที่การยิงประตูที่มากกว่า ซึ่งเป็นฝ่ายของทีมจากอเมริกาใต้ ที่เหนือกว่า เกาะชายผ้าเหลือง สเปน เข้ารอบไปด้วยกัน ส่วน สโลเวเนีย ตกรอบไปแบบเหงา ๆ ไร้ซึ้งคะแนน

กลุ่ม ซี แชมป์โลก 3 สมัย ทัพ “แซมบ้า” ทีมชาติบราซิล

เวิล์ดคัพ ฉบับเอเชีย

ที่คุมทีมมาโดย หลุยส์ ฟิลิปเป้ สโคลารี่ กุนซือวัยเก๋า มาในทีมที่โคตรดี นำมาโดย

โรนัลโด้ (R9)

ริวัลโด้

ดาวรุ่งมาแรงในตอนนั้นอย่างเหยินน้อย โรนัลดิญโญ่

โรแบร์โต้ คาร์ลอส

คาฟู กัปตันทีม

และยอดแข้งแซมบ้าตัวทีเด็ดอีกหลายราย แค่ชื่อที่ว่ามาทั้งหมดนี้ก็ทำคู่แข่งต้องร้องอุทานขอชีวิตเข้าให้แล้ว สุดท้ายนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรกับ 9 คะแนนเต็ม กับชัยชนะ 3 นัดรวด ไล่ถล่มคู่แข่งอย่างสบายเท้าไป 11 ประตูในรอบแบ่งกลุ่ม

ก็จะมีเพียงทัพ “ไก่งวง” ตุรกี ที่สามารถสู้กับทัพแซมบ้า ได้อย่างสนุก แต่ก็ไม่สามารถต้านทางได้อยู่ดี โดนเชือดไป 2-1

แต่ท้ายสุดก็เป็น ตุรกี ที่เอาตัวรอดเข้ารอบตามพี่ใหญ่บราซิลไปได้

ทิ้ง คอสตาริก้า ที่มีแต้มเท่ากันแต่เป็นรองเพราะลูกได้เสีย เหตุโดนบราซิลอัดซะน่วมในนัดสุดท้าย ส่วนทางด้าน “พญามังกร” ทีมชาติจีน ที่โดนถอดเกร็ดอย่างไม่เหลือลาย แพ้พ่ายไปทั้ง 3 นัด หยังงี้ต้องซี้แหงแก๋ และยังไม่สามารถเจาะประตูทีมใดได้เลย กอดคอ “กล้วยหอมจอมซน” คอสตาริก้า ไปรอขึ้นเครื่องกลับบ้านเก่าเช่นเดียวกัน

กลุ่ม ดี หนึ่งในเจ้าภาพร่วม “ทัพโสมขาว” เกาหลีใต้ ในการกุมบังเหียนของ กุส ฮิดดิ้ง เฮดโค้ชชาวฮอลแลนด์ ทำผลงานได้ดีเกินคาดในรอบแบ่งกลุ่ม เก็บ 7 แต้ม โดยสามารถเอาชนะ 2 ทีมจากยุโรป ทั้ง โปแลนด์ (2-0) และ โปรตุเกส (1-0) เขียทัพฝอยทองที่จัดเต็มด้วยซุปตาร์ทั้งทีมตกรอบแรกไป อย่างสุดเซอร์ไพรซ์ ส่วนอีกนัดเสมอกับ สหรัฐอเมริกา 1-1 ในนัดที่ 2 และสุดท้ายก็กอดคอกันเข้ารอบไปแบบหักปากกาเซียน

กลุ่ม อี อีก 1 ตัวเต็งอย่างทัพ “อินทรีย์เหล็ก” เยอรมัน ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ประเดิมนัดแรกก็เปิดหน้าปูพรมระดมยิง “เศรษฐีน้ำมัน ไปอย่างไม่ไว้หน้า เละตุ้มเป๊ะ 8-0 ตีคู่มากับทัพ “ยักษ์เขียว” ไอร์แลนด์ ที่มาเงียบ ๆ ก่อนจะปิดจ๊อบในนัดสุดท้ายถล่มทีมเศรษฐีน้ำมัน เจ้าเก่าไป 3-0 เข้ารอบน็อคเอาท์ไปได้เช่นกัน ทิ้งให้พลพรรค”หมอผี” แคเมอรูน ที่มากับแฟชั่นเสื้อแขนกุด สดุดตาสาว เห็นราวขนจั๊กกะแร๊ นั้นก็ต้องจองตั๋วรถทัวร์กลับบ้านนอกไปด้วยเช่นกัน

กลุ่ม เอฟ เรียกได้ว่าเป็น “กรุ๊ป อ๊อฟ เดธ” อย่างแท้ทรู!!

เวิล์ดคัพ ฉบับเอเชีย

โดยใครเห็นก็อู้หู!! นี่ใครจับให้มาเจอกันได้ยังไง

นำมาโดยรุ่นใหญ่ อาร์เจนติน่า ทัพฟ้าขาว

“สิงโตคำราม” อังกฤษ

“ไวกิ้ง” สวีเดน

และทัพ “อินทรีย์มรกต” ไนจีเรีย ขาใหญ่แห่งอัฟริกา

และคู่เอกที่แฟนบอลทั่วโลกนั้นรอคอย ระหว่าง อาร์เจนติน่า ที่ต้องมาพบกับ อังกฤษ สุดท้าย และท้ายสุดก็มาเป็นทัพสิงห์โตคำรามที่เฉือนเอาชนะทัพฟ้าขาวไป 1-0 และเป็นการล้างแค้นได้สำเร็จ และเป็นสวีเดน และ อังกฤษ เข้ารอบน็อคเอาท์ ทิ้งให้ อาร์เจนติน่า ต้องตกรอบแบบช็อคโลก ตาม ฝรั่งเศส กลับบ้านไปอีกทีม

กลุ่มจี ทัพอัซซูรี่ อิตาลี่ ทีมเต็งอันดับต้น ๆ ที่จะมาเถลิงบัลลังก์แชมป์โลก นัดแรกเหมือนจะมาดี เช็คบิล เอกวาดอร์ ไป 2-0 แต่พอมานัดที่ 2 กลับโดนทีเด็ดของทัพ “รุกพิฆาต” ทีมชาติโครเอเชีย เชือดนิ่ม ๆ ไป 2-1 นัดสุดท้าย ต้องมาลุ้นกับจอมเก๋าแห่ง เวทีฟุตบอลโลก อย่างทัพ “จังโก้” เม็กซิโก โดยในนัดนี้ลูกทีมของ “อิลแทรป” โจวานนี ตราปัตโตนี กุนซือทัพอัซซูรี่ ต้องแช่งให้ โครเอเชีย นั้นแพ้ เอกวาดอร์ และก็สัมฤทธิ์ผล “ทัพตราหมากรุก” พลาดท่าพ่ายแบบพลิกล็อคต่อ “อินทรีย์ทอง” ไป 0-1 โดยที่ อิตาลี่ นั้นหืดขึ้นคอ ไล่ตีเสมอ “ทัพจังโก้” นาทีที่ 85 จาก อเล็กซานโดร เดล ปิเอโล่ ผ่านเข้ารอบมาได้อย่างหวุดหวิด ชนิดนี่ต้องพึ่งยาดมกันเลย!! สายนี้เป็น เม็กซิโก กับ อิตาลี่ พากันเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไป

กลุ่ม จี “ทัพซามูไรบลูส์” ทีมชาติญี่ปุ่น โดยการนำทัพของ ฟิลิป ทรุซซิเย่ เทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศส ต้องมาวัดกับ 2 ทีมแกร่งจากโซนยุโรป เบลเยี่ยม และ รัสเซีย ส่วย ตูนิเซีย แห่งอัฟริกาเหนือก็จะประมาทไม่ได้เลย ออกสตาร์ทนัดแรกด้วยการบดเจ๊ากับทัพ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” อย่างสุดมันส์ 2-2 นัดต่อมาฟอร์มเฉียบ เฉือน “หมีขาว” รัสเซีย ไป 1-0 เก็บ 3 แต้มแรกในฟุตบอลโลกของญี่ปุ่น และปิดท้ายรอบแบ่งกลุ่มด้วยการเอาชนะ ตูนิเซีย ไปได้ 2-0 ผ่านเข้ารอบน็อคเอ๊าท์พร้อมกับ เบลเยี่ยม

จากสถานการณ์ในรอบแบ่งกลุ่มที่ได้เขียนบรรยายจบลงไป มาติดตามต่อในเรื่อง Korea Japan 2002 ต่อได้นะครับ กราบขอบคุณมาก ๆ ที่ติดตามครับ!!

                                                                                                               แคง เดอะ คองเคอเรอร์